บริษัท เอเอส เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด (“บริษัท”) เข้าใจและตระหนักว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญ และสมควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ดังนั้นเมื่อบริษัทได้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการให้ดำเนินธุรกิจหรือให้บริการ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งให้ท่านทราบถึงนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งอธิบายถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทยืนยันว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายฉบับนี้เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งจะอธิบายถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทขอยืนยันว่าจะดำเนินการตามนโยบายฉบับนี้รวมถึงกฎหมายเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  1. คำนิยาม

ข้อมูลสาธารณะ หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลโปรไฟล์สื่อสังคมออนไลน์ เมื่อมีการใช้ข้อมูลและรหัสการเข้าระบบของสื่อสังคมออนไลน์ (social media credential) เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Line และรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ เพื่อเชื่อมต่อหรือเข้าสู่บริการใดๆของบริษัท เช่น บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (social media account ID) สิ่งที่สนใจ (interests) รายการที่ชอบ (likes) และรายชื่อเพื่อนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถควบคุมการจัดเก็บความเป็นส่วนตัวนี้ผ่านการตั้งค่าบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่จัดทำไว้ให้โดยผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าว

ข้อมูลส่วนบุคคล(ทั่วไป) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพหรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด

คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

  1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับโดยทางตรงและทางอ้อมในช่องทางทั้ง offline และ online ผ่านแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ โดยการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งในนโยบายฉบับนี้ หรือจำเป็นแก่การให้บริการ และอำนวยความสะดวกแก่ท่านในการใช้บริการต่างๆเท่านั้น โดยข้อมูลดังกล่าว ซึ่งสามารถจำแนกเป็นกลุ่มได้ดังนี้

ก) ข้อมูลการติดต่อ : เช่น ชื่อ-นามสกุล,เพศ, วันเกิด, อายุ, ที่อยู่, ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email Address), รหัสประจำตัวสำหรับติดต่อในช่องทางแอปพลิเคชันต่างๆ, หมายเลขโทรศัพท์, สัญชาติ, สถานภาพการสมรส, จำนวนคนในครอบครัว, รายได้, ภาระค่าใช้จ่าย, สถานที่ทำงาน, รูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการที่สนใจ, งานอดิเรก, กิจกรรม Social Networkที่ใช้ประจำ, กีฬาที่สนใจ, การท่องเที่ยวที่ชอบ, ช่องทางการรับหรือทราบข่าวทราบ, ช่วงงบประมาณในการซื้อโครงการ, เหตุผลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกผลิตภัณฑ์และการบริการ, ข้อมูลการเข้าชมสินค้าหรือการบริการ, ความเห็นเกี่ยวกับสินค้าและการบริการ เป็นต้น

ข) ข้อมูลด้านเทคนิค : เช่น หมายเลข IP Address ของคอมพิวเตอร์, ข้อมูลคุกกี้ (Cookies), ชนิดของบราวเซอร์, การตั้งค่าเรื่องเขตเวลา (time zone), ที่ตั้ง (location), ระบบปฏิบัติการ, แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีของอุปกรณ์ที่ใช้เข้าเว็บไซต์ เป็นต้น

ค) ข้อมูลการใช้งาน : เช่น ข้อมูลพฤติกรรมการใช้แอปพลิเคชัน, พฤติกรรมการสืบค้นในเว็บไซต์, หน้าเว็บไซต์ที่เข้าถึงก่อนที่ท่านจะเข้าสู่แพลตฟอร์ม, หน้าเว็บไซต์ที่ที่ท่านเข้าชม, จำนวนเวลาที่ท่านใช้ในการชมหน้าเว็บไซต์, สินค้าหรือข้อมูลที่ท่านค้นหาในแพลตฟอร์ม, เวลาและวันที่เข้าชมเว็บไซต์, ข้อมูลการกดดูเว็บไซต์, ข้อมูลซึ่งระบุตำแหน่งพื้นที่ของท่านขณะที่ใช้งานแอปพลิเคชัน เป็นต้น

ง) ข้อมูลการสื่อสาร : เช่น ข้อมูลที่เก็บในรูป Email, บันทึกข้อมูลสนทนาและข้อมูลในการสื่อสารช่องทางต่างๆ

จ) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรม : เช่น เลขประจำตัวประชาชน, ที่อยู่, หมายเลขบัตรเครดิต, วันเดือนปีเกิด, เพศ, เลขที่บัญชีธนาคาร เป็นต้น

ช) ข้อมูลที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรม : เช่น การเก็บภาพและบทสนทนา บทสัมภาษณ์ต่างๆของท่านในการเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท

  1. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มาจากท่านโดยตรง ผ่านช่องทางหลายช่องทาง เช่น 

  • ท่านลงทะเบียนโดยการสร้างบัญชีผ่านเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ
  • ท่านติดต่อกับบริษัทเพื่อขอรับข้อมูลสินค้าหรือบริการที่ท่านสนใจ
  • ท่านนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการที่อยู่อาศัย
  • ท่านให้ข้อมูลกับบริษัทเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัย
  • ท่านเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายของบริษัทผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทาง Social Network หรือช่องทางปกติ
  • บริษัทติดต่อท่านเพื่อเสนอสินค้าหรือบริการ

3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอกที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของบริษัท หรือตามความยินยอมของท่าน(แล้วแต่กรณี) ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะไม่ถูกนำไปใช้นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้กำหนดหรือที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้(แล้วแต่กรณี) และบริษัทได้กำหนดให้บุคคลภายนอกต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย

3.3 บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวจากเด็กอายุน้อยกว่าเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด (“ข้อจำกัดด้านอายุ”) หากท่านมีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุ โปรดอย่าใช้บริการของบริษัท และอย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลใดๆแก่บริษัท หากท่านเป็นบิดามารดา หรือผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กที่มีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุและทราบว่าบุตรของท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท โปรดติดต่อบริษัท และสามารถขอใช้สิทธิของท่านได้ หากท่านเป็นเด็กที่มีอายุน้อยกว่าข้อจำกัดด้านอายุ และมีความจำเป็นในการรับบริการของบริษัท ขอให้บิดามารดาหรือผู้ใช้อำนาจปกครองให้ความยินยอมในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน 

  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ขอบเขตของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเท่าที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังนี้

  • เพื่อการจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น (“ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ”)
  • เพื่อการจำเป็นสำหรับประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลภายนอก (“ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย”)
  • เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท (“ปฏิบัติตามกฎหมาย”)
  • เพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้ (“ปฏิบัติตามความยินยอม”)
  • เพื่อความจำเป็นอื่นๆตามที่กฎหมายให้สิทธิ์ เช่น เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิต, เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล, เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ท่าน(ถ้ามี) เป็นต้น

บริษัทได้สรุปการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการให้บริการ หรือให้ข้อมูลสินค้าและบริการกับท่าน พร้อมทั้งอธิบายฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรม (Lawful Basis of Processing) ที่บริษัทใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในแต่ละกิจกรรมตามตารางข้างล่าง

วัตถุประสงค์ประเภทข้อมูลฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรม
1) เพื่อให้บริการกับท่าน และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ท่านสนใจ รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของท่าน– ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลการสื่อสาร
1) ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ
2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2) เพื่อจัดการความสัมพันธ์ หรือการมอบสิทธิพิเศษ หรือการจัดกิจกรรมกับท่านในฐานะลูกค้าหรือผู้สนใจใช้สินค้า บริการ หรือผู้เกี่ยวข้อง– ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลการสื่อสาร
– ข้อมูลที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรม
1) ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ
2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3) ปฏิบัติตามความยินยอม เฉพาะข้อมูลที่ต้องขอความยินยอม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมสำหรับใช้ในการประชาสัมพันธ์ การตลาดหรือการส่งเสริมการขาย(การเก็บภาพถ่าย หรือบทสัมภาษณ์)
3) เพื่อบริหารจัดการเว็บไซต์, แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มอื่น ของบริษัท หรือเพื่อแก้ปัญหาในเชิงเทคนิคที่เกิดขึ้นในการใช้เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มอื่น รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุง พัฒนาการให้บริการ – ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลด้านเทคนิค
1) ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ
2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาเว็บไซต์ และพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในการรับบริการจากบริษัท– ข้อมูลด้านเทคนิค
– ข้อมูลการใช้งาน
ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
5) เพื่อทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย การเช่า การฝากขาย ฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ การให้บริการ หรืออื่นๆ– ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรม
ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ
6) ติดต่อและส่งข้อมูลกับธนาคารเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการด้านการสมัครขอสินเชื่อ– ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรม
ปฏิบัติตามสัญญาหรือคำขอ
7) เพื่อทำการตลาดแบบตรงกับท่านในการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นที่ท่านอาจสนใจ รวมถึงนำไปวิเคราะห์และวางแผนทางการตลาด กิจกรรมทางการตลาด (เฉพาะกรณีที่ท่านให้ความยินยอม)– ข้อมูลการติดต่อ
– ข้อมูลการใช้งาน
– ข้อมูลการสื่อสาร
ปฏิบัติตามความยินยอม โดยบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านในการให้บริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปทำการตลาดแบบตรงสำหรับการเสนอสินค้าหรือบริการที่ท่านอาจสนใจ

บริษัทอาจใช้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรมมากกว่าหนึ่งฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมของบริษัทที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงอาจใช้ฐานความจำเป็นอื่นๆตามที่กฎหมายให้สิทธิ์ได้

ทั้งนี้ในกรณีที่ท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญานั้น หากท่านไม่ให้ข้อมูลหรือให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการ หรือการดำเนินการใดๆให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือสัญญาได้ ซึ่งทำให้ไม่สามารถซื้อขาย หรือเช่าสินค้า หรือได้รับบริการต่างๆจากบริษัทได้

สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งต้องอาศัยความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว นั้น บริษัทใคร่ขอแจ้งว่าท่านไม่จำเป็นที่จะต้องให้ความยินยอม ซึ่งบริษัทจะไม่ปฏิเสธการให้บริการท่านด้วยเหตุที่ไม่ยินยอมดังกล่าว แต่ทั้งนี้การไม่มีข้อมูลดังกล่าวอาจกระทบต่อการพัฒนาสินค้าและบริการต่างๆให้สอดคล้องกับความต้องการของท่าน รวมถึงกระทบต่อการให้รายการส่งเสริมการขายหรือโปรโมชั่นต่างๆแก่ท่าน

อนึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวบางอย่าง บริษัทอาจเก็บรวบรวมได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน หากเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสาธารณะ หรือเป็นการเก็บรวบรวมที่จำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายต่างๆ

  1. การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระบบงานสารสนเทศของบริษัท และจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานเพื่อให้ระบบงานสารสนเทศของบริษัทและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัยโดยมีมาตรการดังนี้

  • จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจจะเข้าถึงได้โดยพนักงาน ตัวแทน คู่ค้า หรือบุคคลภายนอก การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกจะสามารถทำได้ตามเท่าที่กำหนดไว้หรือตามคำสั่ง ซึ่งบุคคลภายนอกจะต้องมีหน้าที่ในการรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • จัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้รับอนุญาต
  • จัดการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อความปลอดภัยเมื่อข้อมูลดังกล่าวไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ทางกฎหมายและธุรกิจอีกต่อไป
  • มีกระบวนการจัดการกับกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือกรณีที่ต้องสงสัย และต้องแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

  • บริษัทเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการ การวิเคราะห์วางแผนทางการตลาด และกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท และเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดโดยมาตรฐานการตลาด มาตรฐานทางบัญชี มาตรฐานทางกฎหมายและกำหนดอายุความ รวมถึงกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง

  1. ประเภทของบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย
  • ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนของบริษัท ในการให้บริการภายในโครงการของบริษัท รวมทั้งลูกจ้าง พนักงาน และตัวแทนของบริษัทดังกล่าว
  • แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์
  • บริษัทหรือที่ปรึกษาด้านการตลาด หรือการขาย หรือที่ปรึกษาทางธุรกิจ
  • ผู้รับเหมา / คู่ค้า
  • ธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ผู้ให้สินเชื่อ
  • นายหน้าอสังหาริมทรัพย์
  • บริษัทหรือที่ปรึกษาด้านการเงิน การบัญชี กฎหมาย หรือทางวิชาชีพต่างๆ
  • นิติบุคคลอาคารชุด หรือนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และ/หรือผู้บริหารหมู่บ้านจัดสรร


บริษัทกำหนดให้บุคคลภายนอกที่บริษัทเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นต้องรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามมาตรฐานที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ประเทศไทยกำหนด และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เฉพาะตามกฎหมายหรือตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้กำหนดหรือมีคำสั่งให้บุคคลภายนอกนั้นดำเนินการ

และบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการดำเนินการตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ดังต่อไปนี้

  1. ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้การถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ อนึ่งในกรณีที่มีการถอนความยินยอมข้างต้น อาจทำให้การบริการ การแนะนำสินค้าหรือแนะนำบริการต่างๆไม่ได้ตรงความต้องการของท่าน รวมถึงอาจกระทบต่อการร่วมรายการโปรโมชั่นต่างๆได้ (“สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม”)
  2. ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้ (“สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล”)
  3. ท่านมีสิทธิให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด (“สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง”)
  4. ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัททำการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (“สิทธิในการลบข้อมูล”)
  5. ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุผลบางประการได้ (“สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูล”)
  6. ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านจากบริษัทได้ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง (“สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล”)
  7. ท่านมีสิทธิคัดค้านสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุผลบางประการได้ (“สิทธิในการคัดค้านการประมวลผล”)
  8. ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (แล้วแต่กรณี) รวมทั้งลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านสามารถขอให้สิทธิต่างๆโดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯฉบับนี้ ซึ่งบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาคำขอของท่านโดยไม่ชักช้า หรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้การใช้สิทธิของท่านอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านได้ โดยบริษัทมีสิทธิในการปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคำขอใดๆของท่านหากกฎหมายกำหนดให้สิทธิในการปฏิเสธดังกล่าว

  1. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

8.1 บริษัทได้จัดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการปรับปรุงและทดสอบระบบการรักษาความปลอดภัยของบริษัทเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและน่าเชื่อถือ ในการนี้บริษัทสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงระบบหรือเครื่องมือการรักษาความปลอดภัย หากบริษัทเห็นว่าระบบหรือเครื่องมือดังกล่าวมีมาตรฐานสูงขึ้นและสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีการปรับปรุงและทดสอบความปลอดภัยอยู่สม่ำเสมอ 

8.2 มีกระบวนการจัดการกับกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

8.3 กรณีบริษัททำความตกลงไว้กับบุคคลภายนอกในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อไปประมวลผล รวมถึงการพัฒนาและดูแลรักษาระบบ บุคคลภายนอกจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่กำหนดไว้หรือตามคำสั่ง ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าวจะต้องตกลงรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเช่นกัน 

  1. การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันภายนอก

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทเท่านั้น หากท่านได้กด link ไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นของบุคคลที่สาม แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทก็ตาม ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นหรือแอปพลิเคชันนั้นๆ แยกต่างหากจากของบริษัท ซึ่งเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเหล่านั้นอาจมีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างจากของบริษัท ทั้งนี้บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ

ในกรณีที่บริษัทได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวจากท่านไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ และเป็นข้อมูลที่ต้องได้รับความยินยอมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 นั้น บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม ซึ่งท่านมีสิทธิยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัท ตามรายละเอียดการติดต่อที่ระบุไว้ในข้อ 11 ของประกาศฯฉบับนี้

  1. ช่องทางการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการติดต่อเพื่อขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหากมีข้อร้องเรียนใดๆ ท่านสามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้

บริษัท เอเอส เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด 

สถานที่ติดต่อ : หมู่ 2  ต.ต้นเปา  อ.สันกำแพง  จ.เชียงใหม่ 50130

ช่องทางการติดต่อ: ติดต่อบริษัท ทางเว็บไซต์ www.theesteem.com หรือ โทรศัพท์ 053-960069

  1. ข้อสงวนสิทธิ์

แม้ปรากฎว่าตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะระบุถึงบริษัท เอเอส เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด  ก็เพียงเป็นการแจ้งให้ทราบว่านโยบายนี้เป็นนโยบายทั่วไปของบริษัท เอเอส เวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด   แต่จะไม่ผูกพันบริษัทดังกล่าว เว้นแต่จะผูกพันกับเฉพาะกับบริษัทที่ขอความยินยอม หรือบริษัทที่เข้าเป็นคู่สัญญาหรือบริษัทที่ถูกท่านร้องขอให้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนเข้าทำสัญญา และได้ดำเนินการตามคำขอนั้น หรือบริษัทที่เป็นผู้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามสิทธิโดยกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้เท่านั้น โดยจะไม่ใช่บังคับกับบริษัทอื่นใด ซึ่งท่านตกลงจะไม่เรียกร้องใดๆกับบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น

  1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้ในอนาคต ทั้งนี้ตามความสมเหมาะและภายใต้กฎหมาย โดยการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขใดๆบริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านช่องทางที่เหมาะสมต่อไป

ให้ประกาศฯฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิกถอน